

25681002pm--ทำเต็มที่ ปล่อยวางผล
2025-12-28 | 27 min.
2 ต.ค. 68 - ทำเต็มที่ ปล่อยวางผล : การรู้ซื่อ ๆ จะเกิดขึ้นได้ง่าย ถ้าไม่มีความคาดหวัง แต่ถ้ามีความคาดหวังมีความอยากแล้วก็รู้ซื่อๆ ได้ยาก เพราะจะมีการตัดสินว่า คิดแบบนี้ไม่ดี ฟุ้งไม่ดี สงบนี้ดี พอมีการตัดสินแล้ว ก็มีปฏิกิริยา อะไรที่ไม่ดีก็พยายามกดข่ม หรือไม่อย่างนั้นก็บังคับจิตให้ไม่คิด ไม่ปรุงอย่างนั้น แต่พอเจออะไรที่ดีก็ปล่อยใจลอย หลงเคลิ้ม ซึ่งก็กลายเป็นอุปสรรค เพราะว่าเมื่อวานนี้ปฏิบัติได้ดีมากเลย สงบ แต่วันนี้ไม่เห็นเป็นอย่างเมื่อวานเลย เกิดการเปรียบเทียบขึ้นมา ก็เลยไม่พอใจ หงุดหงิดขึ้นมา ทำไมวันนี้ไม่เป็นอย่างเมื่อวาน นี่แสดงว่าไม่อยู่กับปัจจุบันแล้ว ยังไปหลงใหลกับผลของเมื่อวาน เป็นเพราะเราไม่รู้ทัน ว่าใจไปอยู่กับอดีตไปแล้ว ไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับปัจจุบันคือวางอดีต วางอนาคต ไม่มีการเอามาเปรียบเทียบ เมื่อเราทำโดยวางความอยากหรือความคาดหวังมากเท่าไร การปฏิบัติก็จะก้าวหน้าได้มากเท่านั้น พูดง่ายๆ คือว่าให้เราทำเหตุให้เต็มที่ แต่ปล่อยวางผล ถ้าประกอบเหตุเต็มที่แล้ว ผลย่อมทนอยู่ไม่ได้ ย่อมปรากฏเองในที่สุด

25681001pm--ทุกข์วันนี้เพื่อสุขวันหน้า
2025-12-27 | 30 min.
1 ต.ค. 68 - ทุกข์วันนี้เพื่อสุขวันหน้า : ทุกข์กายนี่เกิดขึ้นได้แม้ใจเราไม่ยินยอม แต่ทุกข์ใจ มันอยู่ที่ใจเราด้วย หลวงพ่อกงมาท่านจึงบอกว่า ถ้าอยากพ้นทุกข์ ก็ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ ก็ไม่มีวันพ้นทุกข์ สำหรับคนที่ชีวิตเขาสบาย เขาต้องเข้าหาทุกข์ แต่บางครั้งไม่ต้องเข้าหา ทุกข์มาหาเรา ก็ให้มองว่าทุกข์เป็นของดี เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะพ้นทุกข์ ก็ต้องเข้าหาทุกข์ อย่างที่หลวงพ่อกงมาว่า ถ้ากลัวทุกข์ ก็ไม่พ้นทุกข์ ถามเราว่าเรากลัวทุกข์ไหม เราพยายามหนีทุกข์ไหม แล้วพอเราเจอทุกข์ เราบ่นโวยวายตีโพยตีพายไหม ทุกข์ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่เราไม่ชอบ สิ่งที่เราไม่พอใจ เวลาเจอสิ่งเหล่านี้ ในแง่ดีคือ ก็ดีนะ ไม่ต้องเข้าหา ไม่ต้องไปหา มันมาหาเราเอง มาเพื่อให้เราได้เรียนรู้ ถ้าเราบ่นโวยวายตีโพยตีพาย เพราะคิดว่าฉันน่าจะสบายกว่านี้ เราก็จะเจอความลำบากในวันหน้า แต่ถ้าทุกข์ในวันนี้ ก็มีโอกาสที่จะสบายในวันหน้าได้ ไม่ใช่เพราะวันหน้าราบรื่น แต่เพราะเรามีวิชาที่จะรับมือกับความทุกข์ที่จะถาโถมมาในวันหน้าได้

25680930pm--ใช้ความสุขทำความดี
2025-12-26 | 28 min.
30 ก.ย. 68 - ใช้ความสุขทำความดี : คนเราก็เหมือนกัน แม้ไม่ใช่พระ ชีวิตทางธรรมของเราก็เจริญงอกงามได้ถ้าเรามีความสุขเป็นตัวหล่อเลี้ยง เพราะไม่เช่นนั้นก็ทำให้อยากจะไปหาสิ่งเสพ อยากจะไปหาเงิน อยากจะไปหาวัตถุมาปรนเปรอ ทำให้ความเป็นพระบกพร่อง ทำให้ความเป็นนักปฏิบัติธรรมหรือผู้ปฏิบัติธรรมมันย่อหย่อนหรือว่ามัวหมอง เรามีความสุขแล้ว เราไม่ได้นิ่งเฉย เราก็นำความสุขมาใช้ในการปฏิบัติธรรม ทำความเพียร ทางโลกใช้ความสุขทำกำไร แต่ว่าทางธรรมใช้ความสุขเพื่อทำความดี แล้วก็ฝึกจิตจนเข้าถึงความสุขที่ประณีต อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า จิตที่ฝึกไว้ดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ แต่จะฝึกจิตให้ดี ก็ต้องมีตัวมีความสุขเป็นตัวหล่อเลี้ยง จนกระทั่งได้พบความสุขที่ประณีตยิ่ง ๆ ขึ้นไป ฉะนั้นถ้าเราอยากจะให้ชีวิตของเรา ชีวิตทางธรรม หรือชีวิตพรหมจรรย์ของเราเจริญยั่งยืน ก็ต้องทำให้ความสุขเกิดขึ้นในใจเรา ซึ่งไม่ใช่ความสุขจากสิ่งเสพ เป็นความสุขจากชีวิตที่เรียบง่าย เป็นความสุขจากการที่ได้เจริญสติ ทำสมาธิ แล้วความสุขนั้นจะเป็นตัวหล่อเลี้ยงขับเคลื่อนให้เราทำความดี ทำให้เข้าถึงความจริง จนกระทั่งพ้นจากความทุกข์ในที่สุด

25680928pm--เปลี่ยนจากรู้สึกมาเป็นรู้
2025-12-25 | 30 min.
28 ก.ย. 68 - เปลี่ยนจากรู้สึกมาเป็นรู้ : การพัฒนาตัวรู้ขึ้นมา ในแง่หนึ่งช่วยทำให้เราไม่ต้องผ่านความเจ็บปวดเสียก่อน ไม่ต้องรอให้เจ็บปวดเสียก่อนถึงค่อยมาขยับเข้าหาธรรม เรารู้ก่อนที่จะปวด เหมือนกับม้าตัวแรกที่รู้ก่อนที่จะเจออะไรอีกมากมาย และถ้ารู้ถึงจุดหนึ่ง เวลาเจอความเจ็บความปวดที่ไม่ปรารถนา ก็เอาอยู่ ความรู้ ถ้ารู้แบบรู้ตัว หรือรู้สัจธรรมความจริงได้มากพอ ปวดก็ปวดไปแต่ไม่มีผู้ปวด เห็นความปวดแต่ไม่มีผู้ปวด อันนี้เป็นสิ่งที่เราควรจะพัฒนาไปให้ได้ แต่ในระหว่างนั้น ถ้ายังพัฒนาไปไม่ถึง อย่างน้อยก็เห็นคุณค่าของความปวดความทุกข์ว่ามีประโยชน์ เพราะว่าเราส่วนใหญ่ก็เป็นม้าประเภทที่ 2, 3, และ 4 ที่ว่าต้องเจอความปวดเสียก่อน ถึงจะขยับ เหมือนกับตัวอย่างที่เล่าเรื่องที่เนปาล บังคลาเทศ ที่ทำให้ต้องเกิดความรู้สึกก่อนถึงจะตื่นตัวขึ้นมา มันก็มีประโยชน์ แต่ว่าก็อย่าไปหยุดตรงนั้น ต้องพัฒนาจากความรู้สึกปวด เป็นความรู้สึกเฉย ๆ เป็นความรู้ตัวขึ้นมา แล้วความรู้นี้เองที่จะไปรับมือความเจ็บความปวดได้ในวันข้างหน้า

25680927pm--เจออะไรก็ไม่ลืมตัว
2025-12-24 | 28 min.
27 ก.ย. 68 - เจออะไรก็ไม่ลืมตัว : ฝึกในชีวิตประจำวัน เวลาทำอะไร กินข้าว หรือว่าเวลาทำงาน ได้ยินได้ฟังเรื่องอะไรก่อนหน้านั้นที่ทำให้เกิดความไม่พอใจ เกิดความโกรธ เกิดความเสียใจ หรือเกิดความตื่นตระหนก ก็รู้จักวางลงบ้าง กลับมาอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำในเวลานั้น บางทีกำลังกินข้าวอยู่ นึกเป็นห่วงงาน ก็รู้จักวางงานลงบ้าง เพราะไม่เช่นนั้นใจนึกถึงงาน เลยลืมไปเลยว่ากำลังกินอะไร หรือบางทีนึกถึงงาน จนลืมลูก กำลังคุยกับลูก กำลังฟังลูก ลูกมีปัญหาชีวิต มีปัญหาในโรงเรียน แต่พ่อหรือแม่นี่ใจกลับหมกมุ่นครุ่นคิดกับงาน จนไม่ได้เปิดใจฟังลูก ไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของลูก ลูกก็รู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ได้ฟังเขาเลย ก็กลายเป็นว่าการทำงานหน้าที่ของพ่อแม่ที่พึงมีต่อลูก เสียไปเพราะว่าไม่มีสติ หลายคนถามว่าสติทำงานอย่างไร สติคืออะไร ก็ตอบง่าย ๆ สติคือ การระลึกรู้ ทำให้ไม่ลืมหน้าที่ที่ควรทำ หรือหน้าที่ที่กำลังทำอยู่ แล้วก็ไม่ลืมตน รวมทั้งไม่ลืมสัจธรรมความจริงที่จะต้องเกิดขึ้นกับชีวิตของตน ไม่ช้าก็เร็ว ไม่วันใดก็วันหนึ่ง



Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)